...WELLCOME TO LOOKMEE BLOG...

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

มาทำเครปเค้กกันเถอะ....อยากกินยากกิน...^^


ส่วนผสม


1. แป้งเค้ก 200 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. ไข่ไก่เบอร์ 0 6 ฟอง
4. นมสด 250 กรัม

5. วิปครีม 200 กรัม หรือใช้นมข้นจืดแทนได้คะ
6. น้ำเปล่า 300 กรัม
7. น้ำตาลทราย 100 กรัม
8. น้ำมันพืช 80 กรัม
9. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  
10. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
11. เหล้ารัม 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. นำส่วนผสมมาชั่ง และตวงตามสูตรเสร็จแล้วนำมาผสมกันในโถ  หรือใครจะใช้เครื่องปั่น นำมาปั่นเอาก็ได้ ปั่นจนแป้งไม่เป็นเม็ดก็พอ จากนั้นนำส่วนผสมแช่เย็นไว้ 2 ชม. หรือข้ามคืนไปเลยก็ได้ อย่าลืมช้อนฟองออกนะคะ ( ** แป้งเครปที่ผสมแล้ว สามารถเก็บได้ถึง 48 ชม. )
  2. พักแป้งเครปไว้ในตู้เย็นเสร็จแล้ว ก็มาทำซอสราสเบอร์รี่สำหรับราดบนเครปเค้กกัน โดยใส่ราสเบอร์รี่ลงในหม้อ ใช้ช้อนยี ๆ ให้เละสักเล็กน้อย ตามด้วยน้ำตาลทราย คลุก ๆ ส่วนผสมให้พอเข้ากันค่ะ 
  3. จากนั้นนำส่วนผสมข้างต้นไปต้ม จะเห็นว่ามีน้ำออกมาจากลูกราสเบอร์รี่ 
  4. เสร็จแล้วนำเอาไปปั่นให้ละเอียดอีกรอบ แล้วกรองเอากากออกมาอีกทีจะได้ซอสราสเบอร์รี่เนื้อเนียน ๆ รสชาติเปรี้ยวหวานแล้วล่ะค่ะ
  5. พอทำซอสราสเบอร์รี่เสร็จแล้ว นำแป้งเครปที่พักไว้มาลุยต่อกันเลย ก่อนอื่นต้องเตรียมอุปกรณ์ก่อนนะคะ เราจะใช้กระทะเทฟล่อน ที่มีหูสองข้าง จะได้สะดวกต่อการร่อนแป้งให้ทั่ว แล้วใช้พายซิลิโคนทนไฟสองอันสำหรับพลิกแป้ง 
  6. ตักแป้งใส่ถ้วยตวงในปริมาณ ขนาด 1/4 แล้วนำแป้งไปหยอดลงในกระทะ หยอดตรงกลางกระทะนะคะ ร่อนให้ทั่วกระทะ คอยดูแป้งไม่ให้หนา หรือบางมากเกินไป  
  7. ทิ้งพักไว้สัก 2-3 นาที จากนั้นใช้พายซิลิโคนแซะขอบรอบ ๆ แล้วพลิกแป้ง แต่ระวังอย่าให้แป้งขาดนะคะ เสร็จแล้วนำไปพักที่ตะแกรง แล้วก็ทอดชั้นต่อไปเลย จนครบ 20 แผ่น หรือตามแต่ความชอบ 
  8. เมื่อทำเจ้าเครปเค้กเสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนวิธีทำวิปปิ้งครีมกันดีกว่า เตรียมวิปปิ้งครีม 4 ถ้วยตวง และน้ำตาลไอซิ่ง 4-5 ช้อนโต๊ะ ตีรวมกันจนฟู ๆ
 9. ต่อไปเป็นขั้นตอนประกอบร่างเจ้าเครปเค้กกันค่ะ นำครีมแปะจุดไว้ที่ฐานก่อนนะคะ กันแป้งเลื่อน จากนั้นก็นำแป้งมากันมาทาครีมที่ละแผ่น วางซ้อนกันสลับไปมาจนครบ แต่อย่าทาครีมหนาเกินไปนะคะมันจะทำให้เลี่ยนได้ พอวางเสร็จจนครบชั้นแล้ว ก็ใช้สปาตูล่าตบ จากด้านบน และเก็บขอบด้านข้างให้เรียบร้อย เมื่อได้เครปเค้กแล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง 

Email..... lookmee20@gmail.com
                 Microsoft Powerpoint
1. เมนูต่างๆของ power point 2007
2. การเสนอการทำ  hyperlink   เชื่อมโยงข้อมูลไปยังส่วนต่างๆของข้อมูล  ภายใน   power   point
- เชื่อมโยงจากสไลด์ไปยังข้อมูลภายนอกเช่น fileเสียง, file วิดีโอ, file    ภาพ, file word, file excel, 
 - เชื่อมโยงจากสไลด์ไปยัง web page หรือเชื่อมโยงข้อมูลกับ 
 - เชื่อมโยงจากหน้าแรกไปหน้าต่างๆภายในสไลด์เดียวกัน
การใส่  file เสียง  ใน power point 2007
   - การใส่ file เสียงแบบเล่นอัตโนมัติ
   - การใส่ file เสียงแบบเล่นเมื่อคลิก
   - การใส่ file เสียงแบบเล่นทั้งสไลด์การนำเสนอ
   - การใส่ file เสียงแบบเล่นแบบแผ่นต่อแผ่นสไลด์ 
                    Microsoft Word 2007

สำหรับเอกสารหรืองานที่เราต้องการป้องกันการทำซ้ำ หรือ copy ไปใช้ในงานอื่นๆ เราสามารถปกป้องงานของเราได้ โดยการใส่ลายน้ำ หรือภาษาอังกฤษ เรียก "Watermark" ซึ่งจะฝังลงในเอกสารของเราแบบอัตโนมัติในทุกๆ หน้า watermark สามารถใส่ภาษาไทยได้ด้วย
วิธีใส่ลายน้ำใน Microsoft Word 2007
1.เปิดงานเอกสารด้วย Microsoft Word 2007
2.คลิกเมนูด้านบน "Page Layout"
3.คลิกไอคอน "Watermark"
4.จากนั้นจะมีตัวอย่าง Watermark ให้เลือก
5.แต่ถ้าต้องสร้าง Watermark เอง ให้คลิกหัวข้อ "Custom Watermark"
6.คลิกหัวข้อ Text watermark
7.ในช่อง "Text" ให้พิมพ์ข้อความที่ต้องการ
8.จากนั้นคลิกปุ่ม Apply และ OK ตามลำดับ
       Program Photoshop
        (โปรแกรมการแต่งภาพ)

 1. เมนูการใช้  Adobe Photoshop ในการตกแต่งภาพ
 2. focus ที่   ใช้เครื่องมือ Lasso tool ในการเลือกตำแหน่งในการเลือกพื้นที่ที่ต้องปรับแต่งภาพ โดยการตัดบริเวณรูปของบุคคลเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ Effect ในการปรับแต่งไม่มีผลต่อ   Background
 3. การใช้เครื่องมือ stamp ในการตกแต่ง ภาพเช่นการลบร่องรอยบนพื้นผิวของบุคลล
4. การใช้เครื่องมือ Filter ------> grain เพื่อให้ภาพดูเหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้อง Film
5.การใช้เครื่องมือ Filter ------> Blur การที่เราต้องการให้พื้นหลังของภาพ เบลอ เหมือน  การถ่าภาพจากกล้อง DSLR หรือการทำ "หน้าชัดหลังเบลอ"
6.และการเยนรู้เรื่องการบันทึก file ในนามสกุลต่างๆ เช่น psd, jpg, bmp (นิยมใช้3นามสกุลนี้)

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


ความสำคัญของอาหารเช้า


              อาหารเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุดต่อสุขภาพร่างกาย  ในสังคมปัจจุบันนี้เกือบ  80%  ที่คนส่วนใหญ่มิได้ให้ความสำคัญกับอาหารเช้า  เนื่องจากต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาเพื่อไปเรียนหรือไปทำงาน  หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ
             คนไทยเราจะให้ความสำคัญกับอาหารเย็น  เน้นว่าเป็นมื้อที่ต้องรับประทานอาหารหนัก ๆ  มากว่ามื้อกลางวัน  ส่วนมื้อเช้านั้นบางคนข้ามไปเลย  บางคนก็ดื่มกาแฟเพียง 1 แก้วเท่านั้น   สังเกตุให้ดีจะพบว่าคุณจะรู้สึกไม่สดชื้นกระปรี้กระเปร่าถ้ามื้อเช้าคุณไม่ได้ให้สารอาหารที่ร่างกายต้องการ  คืออาหารโปรตีนสูงและไขมันอย่างเพียงพอ
               อาหารเช้าที่หนักเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  ร่างกายต้องการเพียงสารอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณไม่มากนัก  เพื่อที่คุณจะได้มีกำลังวังชา  สมองปลอดโปร่ง  กระปรี้กระเปร่า  พลังงานจะอยู่ในร่างกายคุณเป็นเวลานานและทำให้คุณไม่หิวบ่อยถ้าได้รับประทานอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย
              อาหารเย็นไม่ควรเป็นมื้อหนักสำหรับคุณ  เพราะคุณอาจยังไม่รู้สึกหิวในมื้อเช้า

http://www.yokinter.com/bakery_recipes,10